มึนเช่นกลัดบัค ชนะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-0 หนีโซนตกชั้น 7 แต้ม

“สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ทีมอันดับ 13 ลงสนามในบุนเดสลีก้า เกมที่ 26 พวกเขาเปิดสนาม โบรุสเซีย ปาร์ค พร้อมด้วยแฟนบอล 30,657 คน รับการมาเยือนของ “หญิงชรา” แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ทีมอันดับ 16 โดยมี ฟลอเรียน บาดสตูบเนอร์ เป็นผู้ตัดสิน เกมนี้ “สิงห์หนุ่ม” ได้ อเลสซาเน่ เปลอา และ มัทเธียส กินเตอร์ ช่วยกันยิงคนละ 1 ประตู ส่งให้ทีมเข้าวิน 2-0 เก็บชัยชนะเกมที่ 8 ของฤดูกาล

มึนเช่นกลัดบัค ยึดที่ 13 ห่างโซนตกชั้น 7 แต้ม
หลังผ่าน 26 นัด “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เก็บเพิ่มเป็น 30 คะแนน พวกเขาอยู่อันดับ 13 ของตารางตามเดิม แต่ขยับหนีโซนตกชั้น ออกไปเป็น 7 คะแนน ข่าวฟุตบอลโดยโปรแกรมเกมที่ 27 ลูกทีมของ อาดี้ ฮุตเตอร์ มีคิวออกไปเยือน โบคุ่ม ทีมอันดับ 11 ในวันที่ 18 มีนาค
ทางฝั่ง “หญิงชรา” แฮร์ธ่า เบอร์ลิน หลังผ่าน 26 นัด พวกเขามี 23 คะแนน อยู่อันดับ 17 (โซนตกชั้น) ห่างจากโซนปลอดภัย 3 คะแนน โดยโปรแกรมเกมที่ 27 ลูกทีมของ ไตฟุน คอร์คุต เตรียมเปิดบ้าน รับมือ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ทีมอันดับ 6 ในวันที่ 19 มีนาคม
สถิติหลังเกม | มึนเช่นกลัดบัค 2–0 แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
มึนเช่นกลัดบัค เป็นฝ่ายครองบอล 53.6% (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 46.4%) | จ่ายบอล 461:379 ครั้ง | จ่ายบอลสำเร็จ 376:287 ครั้ง | โอกาสยิง 13:12 ครั้ง | ยิงเข้ากรอบ 5:3 ครั้ง | ยิงชนเสา-คาน 1:0 ครั้ง | เลี้ยงผ่าน 11:10 ครั้ง | เตะมุม 3:6 ครั้ง | ปะทะชนะ 21:17 ครั้ง | ชนะลูกกลางอากาศ 24:20 ครั้ง | เคลียร์บอล 24:11 ครั้ง | ตัดบอล 8:9 ครั้ง | ล้ำหน้า 4:1 ครั้ง | ฟาล์ว 7:17 ครั้ง | ใบเหลือง 3:0 ใบ

ไทม์ไลน์สำคัญของเกม
- โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค
- 9′ บรีล เอ็มโบโล่ (ยิงชนเสา)
- 24′ | 1-0 อเลสซาเน่ เปลอา (จุดโทษ) นับเป็นประตูที่ 6 ในบุนเดสลีก้า จากการลงสนาม 25 นัดในฤดูกาลนี้ (ตัวจริง 17 สำรอง 8)
- 59′ | 2-0 มัทเธียส กินเตอร์ (ยิง) | ลูก้า เน็ตซ์ (แอสซิสต์)
- ใบเหลือง : มัทเธียส กินเตอร์ (56′) , โจ สกัลลี่ (81′) , มาร์คัส ตูราม (89′)
- เปลี่ยนตัว : คริสตอป คราเมอร์ แทน อเลสซาเน่ เปลอา (65′) , สเตฟาน ไลเนอร์ แทน ลูก้า เน็ตซ์ (78′) , ลาร์ส สตินเดิ้ล แทน มาร์คัส ตูราม (89′)
- แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
- เปลี่ยนตัว : ซูอัต เซอดาร์ แทน ซานติอาโก้ แอสคาร์ซิบาร์ (46′) , แอนท่อน กาเด้ แทน ปีเตอร์ เปการิค (60′) , เยอร์เกน เอ็คเคเลนแคมป์ แทน ดาวี่ เซลเก้ (75′) , มาร์โก้ ริชเตอร์ แทน วลาดิเมียร์ ดาริด้า (75′)